เรื่องราวพื้นบ้านมักสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต ค่านิยม และความเชื่อของผู้คนในยุคสมัยนั้น และวันนี้เราจะเดินทางไปยังหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในศตวรรษที่ 10 เพื่อค้นพบเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้าและมอนสเตอร์ที่เรียกว่า “The Bakunawa”
Bakunawa เป็นชื่อของงูยักษ์ผู้มีศักยภาพในการกลืนดวงจันทร์ การกินดวงจันทร์ของมันเป็นปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาในมุมมองของชนเผ่าโบราณฟิลิปปินส์
Bakunawa ถือเป็นสัญลักษณ์ของความหายนะและความวุ่นวาย ในขณะที่ดวงจันทร์ถูกมองว่าเป็นแหล่งกำเนิดของแสงสว่าง ความสมดุล และการเพาะปลูก
ตามตำนาน Bakunawa อยากได้ดวงจันทร์เพื่อให้ได้ความสง่างามของมัน
มีเทพเจ้าผู้พิทักษ์ชื่อ Bathala ซึ่งมักจะต่อสู้กับ Bakunawa เพื่อปกป้องดวงจันทร์และความสมดุลของโลก
สิ่งที่ Bakunawa แสดง | |
---|---|
ความหิวโหย insatiable | |
การต้องการครอบครอง | |
ความมืด | |
ความวุ่นวาย |
Bathala มักจะใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการหลอกลวงและเอาชนะ Bakunawa เช่น:
- สร้างเสียงดังรบกวนเพื่อให้ Bakunawa หันมาทางอื่น
- โยนวัตถุที่ส่องประกายเหมือนดวงจันทร์ไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของ Bakunawa
วิธีที่ Bathala ป้องกัน Bakunawa | |
---|---|
สร้างเสียงดังรบกวน | |
โยนวัตถุที่ส่องประกายเหมือนดวงจันทร์ไป |
เรื่องราว “The Bakunawa” ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างดีและชั่วเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติอีกด้วย
ชาวฟิลิปปินส์โบราณเชื่อว่าสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาเกิดจาก Bakunawa กำลังพยายามที่จะกลืนดวงจันทร์ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อขับไล่ Bakunawa เช่น:
- ตีฆ้องและตะกร้าเพื่อสร้างเสียงดัง
- ร้องเพลงและทำพิธีกรรมเพื่อขอให้ Bathala ปกป้องดวงจันทร์
วิธีการที่ชาวฟิลิปปินส์โบราณใช้ขับไล่ Bakunawa | |
---|---|
ตีฆ้องและตะกร้า | |
ร้องเพลง | |
ทำพิธีกรรม |
เรื่องราว “The Bakunawa” เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของวิธีที่ folklore สามารถสอนบทเรียนเชิงศีลธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลกได้
มันเตือนเราถึงความสำคัญของการปกป้องสิ่งที่เรารักและต่อสู้เพื่อความสมดุลในโลก